ศึกลอนดอนดาร์บี้แม็ตช์ เชลซี กับ อาร์เซน่อล หนนี้ดุเดือดเร้าใจในสนามมีใบแดงให้เห็นถึงสองใบและสุดท้ายผลการแข่งขันยังออกมารูปเดิมคือชัยชนะตกเป็นของ...เชลซี 

        ฟุตบอลคู่นี้เตะกันเมื่อไหร่คาดเดาผู้ชนะไม่ยากมันเหมือนฟุตบอลผูกปีชนะหรือว่างูเหลือมเจอเชือกกล้วย อาร์เซน่อล เอาชนะคู่ต่อสู้ทีมนี้ได้น้อยครั้งมากๆ

        7 นัดหลังสุดที่เจอกันใน พรีเมียร์ลีก เชลซี ไม่เพลี่ยงพล้ำเลยชนะ 6 เสมอ 2 ยิ่งถ้ามองไปที่สถิติการปะทะกันระหว่าง อาร์แซน เวนเกอร์ กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ยิ่งไปกันใหญ่...

        14 ครั้งที่เจอกัน เวนเกอร์ เอาชนะ มูรินโญ่ ได้ครั้งเดียวก็คือศึก คอมมูนิตี้ ชีลด์ ที่ เวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 1-0 ที่เหลือเป็นฝ่ายปราชัย 7 ครั้งและเสมอกัน 6 ครั้ง

        ชัยชนะเมื่อต้นเดือน สิงหาคม มันทำให้ เดอะ กันเอร์ส มีความหวังอยู่ติ่งหนึ่งว่าอาถรรพ์กับ เชลซี มันน่าจะถูกขจัดออกไปหมดแล้ว...แต่ทว่ารูปการณ์ไม่เป็นเช่นนั้น

        เกมนี้ มูรินโญ่ เน้นเต็มที่เนื่องจาก เชลซี พ่ายแพ้ในลีกมาสองเกมติดแล้วในประวัติการคุมทีมที่ เดอะ บริดจ์ ทั้งสองภาคของเขาไม่เคยแพ้เกมลีกสามนัดซ้อนดังนั้นต้องพยายามไม่ให้มันเกิดขึ้น

        มูรินโญ่ ดร็อป จอห์น เทอร์รี่ กัปตันทีมเป็นสำรองพร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่ามีปัญหาขัดแย้งกันแถมยืนยันว่ายังรักกันดีและเอ่ยปากชมว่า เจที คือมืออาชีพอย่างแท้จริงด้วย

        กุนซือโปรตุกีสจัดทีมเน้นเกมรุกในระบบ 4-2-3-1 อัสเมียร์ เบโกวิช ยังได้เฝ้าเสาเพราะ ติโบ กุร์กตัวส์ เดี้ยงยาว ส่วนแนวรับ เคิร์ท ซูม่า ยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟกับ แกรี่ เคฮิลล์ โดยมี บรานิสลาฟ อิวาโนวิช เป็นกัปตันทีมเล่นแบ็กขวาและฝั่งซ้าย เซซาร์ อัสปิริกวยต้า

        แผงกองกลาง เชส ฟาเบรกาส ขยับลงมาเล่นคู่กับ เนมานย่า มาติช เปิดโอกาสให้ ออสการ์ เป็นตัวจริงในบทบาทหน้าต่ำส่วนริมเส้น วิลเลี่ยน บาดเจ็บก็เป็นหน้าที่ของ เปโดร กับ เอแดน อาซาร์ และ ดีเอโก้ คอมต้า เป็นหัวหอก

        ทางด้าน เวนเกอร์ ก็จัดทีมในระบบ 4-2-3-1 เช่นกัน ปีเตอร์ เช็ก กลับมาเยือนถิ่นเก่าที่อยู่มา 11 ปีลงเล่น 494 นัดทำ "คลีนชีท" ได้ถึง 227 นัดและตอนนี้กำลังคั่วสถิติของ เดวิด เจมส์ ที่ไม่เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก 169 นัดซึ่ง เช็ก ต้องการอีก 5 เกมก็จะแซงหน้า

        แผงกองหลัง แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ป่วยไม่หาย แกเบรียล เปาลิสต้า ยืนคู่กับ โลร็องต์ กอสเชียลนี่ โดยมี เอ็คตอร์ เบเยริน กับ นาโช่ มอนเรอัล เป็นแบ็กขวาและซ้าย ขยับขึ้นไปกลางคู่กัน ซานติ กาซอร์ล่า กับ ฟรานซิส ก็อกเกแล็ง แกนหลักของทีมชั่วโมงนี้

        แนวรุก อเล็กซิส ซานเชซ กับ แอรอน แรมซีย์ ทำเกมริมเส้น เมห์ซุต โอซิล เล่นหน้าต่ำคอยสนับสนุน ธีโอ วัลค็อตต์ ที่ถูกส่งลงมาเป็นตัวจริงแทน โอลิวิเยร์ ชิรูด์ หัวหอกฝรั่งเศสที่เพิ่งโดนใบแดงเมื่อกลางสัปดาห์

        เริ่มเกมเป็นไปอย่างสูสี อาร์เซน่อล ทำได้วูบวาบในช่วง 15 นาทีแรกอาศัยความเร็วของ วัลค็อตต์ แต่จังหวะยังไม่เข้าล็อกแต่หลังผ่าน 20 นาทีกลายเป็น เชลซี ที่คุมสถานการณืเอาไว้ได้หมด

        แผงกองกลาง เชลซี บีบเข้าหาเร็วขยับดันขึ้นสูงกดดันได้ต่อเนื่องแต่ อาร์เซน่อล ยังตั้งรับได้เหนียวแน่นโดยเฉพาะ กอสเชียลนี่ เล่นเกมนี้ได้เยี่ยมมากทั้งการยืนตำแหน่งและการเข้าสกัดค่อนข้างเนี้ยบ

        เกมกำลังสนุกเข้มข้นแต่ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน กลับทำให้เสียรสชาตจากจังหวะตัดสินใจชูใบแดงไล่ แกเบรียล ออกจากสนามในช่วงทดเวลาเจ็บครึ่งแรก...จังหวะนี้คือจุดเปลี่ยนของเกมอย่างแท้จริงเพราะลำพัง อาร์เซน่อล 11 ตัวเกมก็เป็นรองอยู่แล้วและเมื่อคนน้อยกว่ามันก็ยากที่จะพลิกสถานการณ์

        แกเบรียล สมควรโดนใบแดงเหมือนอย่างที่ เวนเกอร์ ยอมรับเพราะเจตนาเตะนอกเกมใส่ คอสต้า ต่อหน้าต่อตาผู้ตัดสินแต่ถ้ามองอีกด้านหนึ่ง หัวหอกจอมเกเรของ เชลซี ก็ต้องโดนไล่ออกด้วยจากจังหวะที่ไปหาเรื่อง กอสเชียลนี่

        คอสต้า ใช้มือผลักหน้า กอสเชียลนี่ แถมเหวี่ยงมือใส่อีกก่อนจะเดินเข้าไปขนจนล้มแอ็คชั่นแบบนี้สามารถแจกใบแดงได้เลยเหตุการณ์ก็จะจบลงตรงนั้นแต่พอ แกเบรียล เข้ามาห้ามกลับกลายเป็นคู่กรร๊ไปซะเอง

        แม้ว่า คอสต้า จะออกลูกเกเรแต่มันก็เป็นธรรมชาติของนักฟุตบอลที่ต้องห้าวหาญเหี้ยมเกรียมในสนามเพื่อตัดไม้ข่มนามคู่ต่อสู้ผู้ตัดสินต่างหากที่ต้องเป็นคนคอยคุมสถานการณ์คอยตัดสินว่าใครถูกใครผิดซึ่ง ไมค์ ดีน ขาดความละเอียดไปหน่อย

        แกเบรียล เองก็ต้องต้องบอกว่า "เสียค่าไม่ฉลาด" ก็รู้อยู่แล้วว่า คอสต้า มันแนวนี้ไม่ต้องไปใส่ใจเดินหนีไปก็หมดเรื่องดันไป "หลงเหลี่ยม" เข้าทางทำตัวเองลำบากส่งผลกระทบต่อทีมเต็มเปา

        เกี่ยวกับกรณีนี้ มูรินโญ่ มองต่างมุมแน่นอนเขาคิดว่า คอสต้า ไม่ได้ทำผิดอะไรมันเป็นอุณหภูมิของเกมที่ร้อนระอุนี่ความมันที่ทุกคนทั่วโลกอยากดูเป็นเหตุผลว่าทำไมค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด พรีเมียร์ลีก ถึงพุ่งกระฉุด

        มูรินโญ่ ยังเหน็บกลับออกีว่า เชลซี สมควรได้จุดโทืษสองครั้งจากจังหวะที่ แกเบรียล เบียด อาซาร์ กระเด็นในครึ่งแรกและอีกจังหวะที่ เบเยริน ไปดึง คอสต้า ในครึ่งหลังซึ่งทั้งสองครั้ง มูรินโญ่ บอกว่านึกว่าดูรักบี้อยู่

        เมื่อ อาร์เซน่อล เหลือ 10 คนต้องบอกว่าเกมมันจบลงตั้งแต่นาทีที่ 53 เมื่อ เชลซี ซึ่งได้เปรียบทุกรูปแบบทั้งเกมในสนามและความฮึกเหิมที่เพิ่มมากขึ้นแม้ว่าในเกมโอเพ่นเพลย์จะเจาะเข้าไปทำประตูไม่ได้แต่ก็ยังมีทีเด็ดในลูกตั้งเตะ

        ฟาเบรกาส โชว์ความเป็นเจ้าแห่งการ "แอสซิสต์" เปิดบอลได้น้ำหนักไปเสาสอง ซูม่า สอดเข้ามาโหม่งกดลงพื้นกระเด้งผ่าน เช็ก เข้าไปตุงตาข่ายสกอร์บอร์ดเปลี่ยนเป็น 1-0

        เป็นจังหวะการประกบตัวที่ผิดพลาดมหันต์ของ อาร์เซน่อล เพราะว่าผู้เล่นที่สูงใหญ่อย่าง ซูม่า คือเป้าใหญ่ของ ฟาเบรกาส เช่นเดียวกับ เคฮิลล์ ยังไงก็ต้องมีคนตามประกบดูแลแต่กลับปล่อยให้โล่งไม่มีการสั่งการกำชับกันเลย

        เมื่อได้ประตูนี้งานของ เชลซี ก็ง่ายขึ้นทุกอย่างเข้าทางหมด อาร์เซน่อล ไม่สามารถสร้างปัญหาได้และยิ่งมาเหลือ 9 คนในนาทีที่ 79 จากจังหวะที่ กาซอร์ล่า เข้าเสียบ ฟาเบรกาส รุนแรง...เวนเกอร์ หมดหนทางที่จะกลับมา

        ด้วยความที่ผลงานไม่ดีแพ้มาสองเกมรวดทำให้ มูรินโญ่ เน้นกับเกมนัดนี้เป็นอย่างมากแม้จะได้เปรียบตัวผู้เล่นและสกอร์ขึ้นนำแต่ก็ไม่ผลีผลามบุกเล่นอย่างอดทนออกมากำชับลูกทีมเป็นระยะทำเอานักเตะเกร็งกันเป็นแถวไม่กล้าเอาบอลขึ้นไปบุกกลัวจะเสีย

        ดูได้จากการเปลี่ยนตัวพอขึ้นนำถอด ออสการ์ ตัวรุกออกส่ง รามิเรซ ลงมาไล่กลางดัน ฟาเบรกาส ขึ้นมาหน้าต่ำและพอถึงนาทีที่ 82 ก็เปลี่ยน คอสต้า ที่ทำท่าจะมีเรื่องอีกออกมาเวฟกลัวใบแดงแล้วส่ง โลอิก เรมี่ ลงมาก่อนจะย้ำดาบสุดท้ายเอาให้ชัวร์ส่ว จอห์น โอบี มิเกล มาแทน ฟาเบรกาส ในช่วงทดเจ็บ...อะไรจะเน้นขนาดนั้น

        น่าเสียดายที่เกมนี้ 45 นาทีแรกสนุกมากถ้าหากไม่มีกรณีใบแดงเกิดขึ้นคาดว่าจะฟัดกันมันแน่นอนในครึ่งหลังแต่ด้วยความไม่เนี้ยบของ ไมค์ ดีน เลยทำให้เสียอารมณ์บอลกลายเป็นชัยชนะที่ง่ายดายของ เชลซี

...........................

ซัมเมอร์ฮิลล์