ยิงตัวเอง, พลาดจุดโทษ, ซัดชนเสา, ล่อเป้าจ่อๆ แถมเจ็บเพิ่มอีกสอง...แม้แต่ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็หาคำตอบไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอาร์เซน่อล ในวันปืนแตก
กางแค่สถิติ ชัยชนะดูเหมือนไม่สมควรหลุดมือ โอกาสยิง 11 ครั้งเทียบกับเจ้าถิ่น เวสต์บรอมฯ แค่สี่
เดอะ แบ็กกี้ส์ มีโอกาสส่องเข้ากรอบตลอด 90 นาทีเพียงหนเดียว แต่ผลลัพธ์ พวกเขาได้สองประตู ?!
เปอร์เซ็นต์ครองบอลไม่ต้องพูดถึง ทีมเยือนเหมาเกิน 70 ต่อ 30 แต่ฟุตบอลเป็นอะไรที่มากกว่าสถิติตัวเลขเหล่านี้ บางทีอาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรแต่ชาติปางก่อนของเวนเกอร์ หรือไม่บางที พฤศจิกายนอาจไม่ใช่เดือนถูกโฉลก ก็แล้วแต่ความเชื่อกันไป
กุนซือหน้าหยัก (ญาติห่างๆ กับหน้าหยก) มีปัญหาให้ขบคิดตั้งแต่การเลือกทีม เหล่านักเตะเลือดเฟร้นช์ ไล่ตั้งแต่ โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, มาติเยอ เดบูชี่, มาติเยอ ฟลามินี่ ต้องรอเช็กความพร้อมทางจิตใจ หลังจากเหตุสะเทือนขวัญเขย่าโลกเมื่อ 8 วันที่แล้ว
สภาพร่างกายของ อเล็กซิส ซานเชซ ก็ถูกตั้งคำถามมาตลอดวีกว่าถึงเวลาต้องพักได้แล้วหรือยัง กับการลงเล่นถึง 29 นัดจาก 31 เกมให้ทั้งสโมสรและทีมชาติ ภายในแค่สามเดือนครึ่ง
แต่ด้วยบัญชีตัวเจ็บในแนวรุก ทั้ง ธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, อารอน แรมซี่ย์, แจ็ค วิลเชียร์ รวมถึง แดนนี่ เวลเบ็ค เท่ากับมัดมือชกเวนเกอร์ ให้ต้องเข็นดาวเตะทีมชาติชิลี ลงบู๊นัดที่ 30 เฉพาะสำหรับฤดูกาลนี้ !
จุดที่เซอร์ไพรส์แฟนปืนพอสมควร คือการเลือก คีแรน กิ๊บบ์ส ออกสตาร์ตตัวจริงนัดแรกของซีซั่น หลังจากสองสัปดาห์ก่อนสวมบทซูเปอร์ซับเปลี่ยนลงมาตีเสมอสเปอร์ส 1-1
กิ๊บบ์ส ถูกหยอดลงตำแหน่งตัวรุกฝั่งซ้าย เท่ากับว่าเจ้าของสัมปทานเดิมอย่างอเล็กซิส ถูกไล่ให้ย้ายไปเล่นอีกฟาก ที่เปรียบเหมือน ''ที่ดินตาบอด'' เพราะตัวเจ็บเพียบอย่างที่ไล่ชื่อไปข้างต้น
ผมเคยพูดประเด็นนี้ในรายการวิเคราะห์หลังข่าวเที่ยงทาง CTH ว่ายกเว้นไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ สิ่งสุดท้ายที่ เวนเกอร์ ควรทำในการแก้ปัญหาขาดแคลนตัวรุกด้านขวา คือการโยกอเล็กซิส ไปสวมสิทธิ์
จริงอยู่ การแก้เกมในช่วงท้ายกับสเปอร์ส เห็นผลทันตา เมื่อกิ๊บบ์ส ถูกส่งลงแทน โจเอล แคมป์เบลล์ และสลับฝั่งอเล็กซิสไปยืนขวาจากนั้นภายในสามนาทีโอซิลวางบอลให้กิ๊บบ์สสอดมายิงตีเสมอ
แต่นั่นแหละที่เรียกว่า ''เมื่อไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ'' จะลองก็ได้ไม่มีใครว่าแต่ตัวแปรที่สร้างเงื่อนไขในเกมนั้นกับนัดนี้ คือการกลับมาของแบ็กขวาจอมบุกอย่าง เอคตอร์ เบเยริน
ในเกมกับสเปอร์ส ฝั่งขวาของอาร์เซน่อล เคยเล่นด้วยกันหรือเปล่ายังไม่รู้เลย ระหว่าง มาติเยอ เดบูชี่ กับ โจเอล แคมป์เบลล์ และนั่นคงเดาไม่ยากว่าเกมรุกซีกนี้ แม้สวมชุดเดียวกัน แต่ก็เหมือนเล่นคนละทีมคุยกันคนละภาษา
แต่นัดนี้เบเยรินหายเจ็บกลับมาลงเล่นนัดนี้ได้การโยกเอาอเล็กซิสที่ถนัดขวาเหมือนกันไปยืนซ้อนอีกคนผมรู้สึกว่ามัน ''ลักลั่น''
อเล็กซิสอาจไม่อยู่กับที่ตำแหน่งเฉลี่ยของเขาในเกมนี้ ถือเป็นกองหน้า ยืนสูงกว่าชิรูด์ด้วยซ้ำไป แต่ปัญหาตามมา คือฝั่งขวาของทีม ไม่มีใครช่วยประคองเบเยรินโดยเฉพาะในเกมรับ
อย่าลืมว่าเบเยริน คือแบ็กที่ชอบเติมเกมบุก ฉะนั้นเวลาโดนสวน เวสต์บรอมฯ เน้นจี้ด้านนี้เป็นพิเศษ ทั้ง เจมส์ แม็คคลีน กับ คริส บรันท์ มาแบบสองรุมหนึ่ง และผมไม่แปลกใจที่นักเตะโดดเด่นสุด สมควรได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ คือแม็คคลีน
เบเยรินโดนเผาหลายครั้งดูเล่นแย่ไปเลยแต่สาเหตุหนึ่งคือเขาไม่มีตัวช่วย ผิดกับเวลาที่อเล็กซิสยืนด้านซ้ายแบ็กอย่าง นาโช่ มอนเรอัล เน้นรับเป็นหลัก ขยับขึ้นเติมน้อย ปล่อยให้แกฉายไป
นั่นคือการจัดทีมที่ผมรู้สึกว่ามันผิดเพี้ยนไปหน่อยของอาร์เซน่อล แต่ความโชคร้าย ไม่ใช่สิ เรียกว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายที่คาดคิดก่อนแล้วว่าจะเกิดขึ้นไม่วันใดก็วันหนึ่ง คืออาการบาดเจ็บของ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง
ด้วยสไตล์บู๊ทุกลูกชนไม่เลือกและในฐานะมิดฟิลด์เกมรับที่ออกสตาร์ตตัวจริงทุกนัด ย่อมไม่มีใครเซอร์ไพรส์กับจังหวะเจ็บของโกเกอแล็ง จากการประสานงากับคนพันธุ์เดียวกันอย่าง เคลาดิโอ ยาค็อบ
ในที่สุดมันก็เกิดและในที่สุดความดื้อของเวนเกอร์ ที่ไม่ยอมเสริมทัพตำแหน่งนี้ แม้แฟนอาร์เซน่อลส่งเสียงดังระดับเครื่องบินเฉียดหัว ก็ยักไหล่ไม่สน สะท้อนผลเสียกลับสู่ตัวเขาเอง
มิเคล อาร์เตต้า ในวัย 33 ถูกเลือกลงแทนตั้งแต่ไม่ผ่าน 15 นาทีแรก และภายในครึ่งชั่วโมงเศษที่อยู่ในสนาม เขาทำฟาวล์เสียฟรีคิก นำไปสู่การเสียประตูตีเสมอ ก่อนเป็นคนโดนบอลสุดท้ายเข้าประตูตัวเอง ทำให้เวสต์บรอมฯ ลุกจากหลุมกลับมาแซงนำ 2-1 ในเวลาห่างกันแค่ห้านาที
ระหว่างรอบรรยายเกมในครึ่งหลัง ก้มสำรวจรายชื่อตัวสำรองของอาร์เซน่อล ก็ต้องบอกว่ายุ่งล่ะ มีตัวรุกเพียงสองคน หนึ่งคือ โจเอล แคมป์เบลล์ อีกหนึ่งได้แก่ เจฟฟ์ เรเน่-อเดเลด ???
ง่ายๆ คือเวนเกอร์ แทบต้องฝากความหวังกับ 11 คนในสนาม เพื่อเค้นเอาประตูตีเสมอ และต้องพยายามทำให้ได้เร็วที่สุด ถ้าหวังถึงปล้นชัยชนะ
ผมเองยังแอบคิดว่าอาร์เซน่อลจะทำได้เมื่อดูว่าแนวรับของเวสต์บรอมฯ อุดทีมใหญ่ในปีนี้ไม่ค่อยอยู่ แมนฯ ซิตี้ บุกมายิงสาม, เชลซี ยิงสาม, เอฟเวอร์ตัน ยิงสาม และไปโดนแมนฯ ยูไนเต็ด กดอีกสอง
การขาด แกเร็ธ แม็คออลี่ย์ ที่ใครว่าจะส่งผลกับแนวรับของแบ็กกี้ส์ เพราะตัวแทนอย่าง โยนาส โอลส์สัน ไม่ได้เล่นมาเกือบสองเดือนเต็มตั้งแต่แพ้ทอฟฟี่คาบ้าน 2-3 ทว่าปราการหลังรุ่นเก๋าชาวสวีดิชประกบติดชิรูด์จนแทบไม่ได้กระดิก
ความผิดพลาดชัดๆ หนเดียวของโอลส์สัน คือจังหวะที่เขาดันล้มลงปล่อยให้ชิรูด์สอดไปโขกเช็ดเปลี่ยนทางบอลจากลูกฟรีคิกของ เมซุต โอซิล เป็นประตูนำ 1-0
จอนนี่ อีแวนส์ เป็นอีกคนที่ต้องให้เครดิต กับการคุมแนวรับของเวสต์บรอมฯ และรอดักสกัดบอลที่ถูกเปิดเข้าพื้นที่สุดท้าย
ด้วยอะไหล่ที่มีจำกัด ด้วยอาการบาดเจ็บเล่นงานโกเกอแล็ง และต่อมาอาร์เตต้าก็ต้องเดินออกแตะมือกับ มาติเยอ ฟลามินี่ เท่ากับเวนเกอร์ เสียโควตาเปลี่ยนตัวโดยใช่เหตุ
ผสมกับความผิดพลาดในเกมรับ และการจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคม โดยเฉพาะในครึ่งหลังโอซิลยิงอีซ้ายจูบเสาดังจ๊วบ และกาซอร์ล่า ยกบอลให้แคมป์เบลล์แปโล่งๆ เสาสอง แต่โดนแฉลบรองเท้าสีชมพูหวานแหวว
ทั้งหลายทั้งมวลวันปืนแตกมาสรุปลงที่การชูตจุดโทษข้ามคานของกาซอร์ล่าเพราะดันลื่นในเสี้ยววินาทีที่ง้างไก
เวนเกอร์ไม่ต้องโทษอะไรแล้วหรอกครับโยนให้เจ้ากรรมนายเวรไปเถอะ
...มาริโน่...
FACEBOOK : GUNNERTALK
EMAIL : TG.Thaigunners@gmail.com
TEL : +6696-293-9839