นิคลาส เบนท์เนอร์ อดีตกองหน้าทีมอาร์เซน่อล ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ตัวเขาและ อเดบายอร์ มีเรื่องกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกันในสนาม ระหว่างเกมที่ แพ้ให้กับ ท๊อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ในรายการ ลีคคัพ เมื่อปี2008

เกมดังกล่าว อาร์เซน่อล พ่ายแพ้ให้คู่อริตลอดกาลอย่าง สเปอร์ ไปแบบหมดท่าด้วยสกอร์ 5 - 1 และแน่นอนว่าด้วยรูปเกมที่ย่ำแย่ ต่างทำให้นักเตะต่างมีอารมณ์ร้อน จนเป็นเหตุให้เกิดเกมที่รุนแรง แม้กระทั่งการทะเลาะกันเองในทีม

ในจังหวะหนึ่ง เบนท์เนอร์  มีปากเสียงกับ เอมมานูเอล อเดบายอร์ กองหน้าของทีมอีกหนึ่งคนที่ลงเล่นด้วยกันในเกมดังกล่าว สาเหตุจากการความผิดพลาดในการเล่น จนทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงและทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ด้วยการที่ อเดบายอร์ เอาหัวโขกไปที่จมูกของ เบนท์เนอร์ จนทำให้เกมต้องชะงักไปนานหลายนาที

เบนท์เนอร์ กล่าวว่า เหตุการณ์นั้นทำให้เขาและ อเดบายอร์ ไม่มองหน้ากันและมีความสัมพันธ์ในทีมที่แย่ลงเรื่อยๆ กระทั่งแม้ในวันที่ทั้งคู่ได้ย้ายออกไปจากอาร์เซน่อลในที่สุด

"เดิมที ผมและเขาไม่ค่อยได้มาสังสรรค์อะไรกันอยู่แล้วล่ะ ....ที่อาร์เซน่อล ผมมักจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆหลายคน ซึ่งหลายคนก็เป็นดี และผมสนิทด้วย แต่กับเขาผมคิดว่าไม่นะ"

"ผมจำเหตุการณ์ได้ ...ตอนนั้นในจังหวะก่อนที่เขาจะถูกเปลี่ยนตัว คือตอนที่บอลมาที่ผม แล้วผมเลือกที่จะเล่นเอง จากนั้นเขาก้เดินเข้ามาแล้วบอกว่า ควรจะจ่ายให้เขามากกว่า"

"เราโต้เถียงกันรุนแรง ด้วยสถานการณ์ในเกมที่สกอร์ตามหลัง  เราต่างก็ร้อนด้วยกันทั้งคู่  จนที่สุดแล้วเขาก็พุ่งเอาหัวมาโขกที่จมูกผม "

"วิลเลี่ยม (กัลลาส) เข้ามาห้าม รวมถึงคนอื่นๆ และจับเราแยกกัน  และเขาก็เดินออกจากสนามไป"

"ผมรู้สึกแย่นะ เพราะมันเกิดขึ้นตอนที่ทุกอย่างกำลังแย่ไปหมด  เราแพ้ทั้งรูปเกมและสกอร์  และเราต่างก็ช่วยอะไรทีมไม่ได้เลย แล้วยังมามีเรื่องกันเองอีก"

"หลังเกม เราคุยกันในห้องแต่งตัว แต่มันก็ไม่มากนัก  จนวันต่อมาบอส(เวนเกอร์)เรียกเรามาคุยทั้งคู่  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก  ผมและเขาก้ไม่พยายามปรับควาเข้าใจอะไรให้ดีขึ้นด้วย "

"จากนั้นเราก็อยู่กันไปด้วยความเป็นมืออาชีพ  ต่างก็ทำงานของตัวเองไป   ผมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เพื่อน  เป็นแค่เพียงคนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้น"

"เรื่องนี้มันคงไม่เกิดขึ้น หากผมจ่ายบอลให้เขาและเขาทำประตูได้  ....แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับผม ผมว่าเราควรมีความเคารพซึ่งกันและกัน เราต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ควรเรียนรู้ที่จะเล่นด้วยกัน  ยอมรับในความผิดพลาดของกัน  และนำไปแก้ไขในครั้งต่อไป  นั่นคือแนวทางในการเล่นของทีมเรา"